ซีไอซีโต้นักวิชาการต่างประเทศ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ
เรียกร้องให้ศึกษาผลกระทบกับสุขภาพคนไทยก่อนจะประกาศห้ามใช้แร่ใยหินขาว “ไครโซไทล์”
ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ (CIC) ยื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรม ถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาสั่งการภาครัฐทำการศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริง ว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากการใช้แร่ไครโซไทล์และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ไครโซไทล์ จริงหรือไม่ ก่อนที่จะมีการพิจารณาตัดสินดำเนินการใดๆต่อไป
นายมานพ เจริญจิตต์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีกลุ่มนักวิชาการต่างประเทศยื่นจดหมายถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี กดดันให้รัฐออกกฎหมายห้ามใช้แร่ใยหินขาวไครโซไทล์นั้น อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวโดยไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับแร่ไครโซไทล์ ซึ่งเป็นแร่ที่ใช้ในประเทศไทยและในหลายๆประเทศมานานหลายสิบปี โดยแร่ดังกล่าวไม่ได้เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามที่อีกฝ่ายได้มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด
แร่ใยหินอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แร่ไครโซไทล์ ซึ่งยังใช้กันอยู่ทั้งในประเทศไทยและอีกหลายๆประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน และบราซิล ส่วนแร่ใยหินอีกชนิดคือ แร่แอมฟิโบล์ ซึ่งแร่ชนิดนี้เป็นแร่ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตรายโดยได้มีการห้ามใช้เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ข้อเท็จจริงสำคัญคือ ยังไม่เคยมีรายงาน หลักฐาน ผลการศึกษา หรือข้อมูลที่ชี้ว่าเคยมีประชาชนคนไทยป่วยเป็นโรคร้ายเนื่องจากการสัมผัสหรือใช้แร่ไครโซไทล์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ไครโซไทล์ ตามที่นักวิชาการกลุ่มดังกล่าวพยายามกล่าวอ้าง
“ซีไอซีพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องและพร้อมนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแร่ไครโซไทล์ ทั้งรายงาน หลักฐานและผลการศึกษาโดยนักวิชาการทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศที่ยืนยันได้ว่าสามารถนำแร่ไครโซไทล์มาใช้ได้อย่างปลอดภัย ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ฯลฯ และเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ทันสมัยในปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้ยังมิได้มีการถ่ายทอดไปยังประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบ ทำให้ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจนอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดเกี่ยวกับแร่ดังกล่าว การยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ เป็นการเรียกร้องขอความเป็นธรรมและขอร้องให้ภาครัฐทำการศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริง และสถิติว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากการใช้แร่ไครโซไทล์และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ไครโซไทล์จริงหรือไม่ ก่อนพิจารณาตัดสินดำเนินการให้เลิกใช้แร่ไครโซไทล์”
นายมานพ กล่าวเสริมว่า พบว่าการเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านการใช้แร่ใยหินเป็นการกระทำของกลุ่มนักเคลื่อนไหวและสมาชิกของเครือข่ายเพื่อการยกเลิกการใช้แร่ใยหินสากล (Global Ban Asbestos Network) ในการกดดันรัฐบาลของประเทศต่างๆให้ออกกฎหมายห้ามการใช้แร่ไครโซไทล์ โดยการอ้างความเห็นของนักวิชาการที่เป็นสมาชิกเครือข่ายของตนนั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่เครือข่ายนี้นำไปใช้ในหลายประเทศ สร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลเพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของเครือข่ายดังกล่าวเท่านั้น
นายมานพเห็นว่า ก่อนที่จะมีการนำสารทดแทนมาใช้แทนแร่ไครโซไทล์ รัฐบาลควรมีคำสั่งให้ทำการศึกษาถึงผลกระทบด้านสุขอนามัยของประชาชนที่อาจได้รับจากสารทดแทนแร่ไครโซไทล์ก่อน ตามที่คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคมวุฒิสภาได้เคยเสนอไว้ว่า ภาครัฐควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม ทำการศึกษาและวิจัยอย่างละเอียดรอบครอบต่อไป
นอกจากนี้ ทางซีไอซีได้เตรียมเอกสารบทความทางวิชาการที่เขียนโดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ สมชัย บวรกิตติ และศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในประเทศไทยกว่า 30 ปี เพื่อนำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงรอบด้านและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน สำหรับเนื้อหาภายในจดหมายฉบับที่ยื่นต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณานั้น ได้ระบุข้อเรียกร้องและชี้แจงข้อเท็จจริงของแร่ใยหินไครโซไทล์ตามที่ระบุไว้ในจดหมายทั้ง 5 ข้อ โดยทางสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องเอาไว้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ลงวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555