คนไทยไม่กลัว(แร่)ใยหิน

ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สมชัย บวรกิตติ เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการวารสารโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยขอนแก่น ความว่า

ผมเคยเขียนบทความสั้นๆ เรื่อง “ใยหินไม่น่ากลัว” ลงพิมพ์ในธรรมศาสตร์เวชสารวารสาร(๑) เมื่อหลายปีมาแล้ว จากนั้นรู้สึกว่าบรรยากาศต่อต้านการใช้แร่ใยหินในประเทศไทยแผ่วลง ประจวบกับจังหวะวิกฤติฝุ่น PM2.5 ในอากาศกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัด ทำให้นักวิชาการบางท่านสงสัยว่าฝุ่น PM2.5 อาจจะมีใยหินร่วมเป็นส่วนประกอบด้วยไหม  ท่านทั้งสอง(๒,๓)อ้างข้อมูลจากรายงานผลการตรวจพบเทห์ใยหินในปอดของคนไทยทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเหตุใยหินและไม่มีประวัติสัมผัสใยหินว่าพบเกิน ๑ ใน ๓ จากจำนวนคนที่ตรวจครั้งแรกโดยสมพงษ์ ศรีอำไพ พยาธิแพทย์ศิริราช เมื่อ ๓๐ กว่าปีมาแล้ว(๔) และการตรวจของพิมพิณ อินเจริญ พยาธิแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อสองสามปีที่แล้ว(๕)  ทั้งสองงานการศึกษานี้เกิดขึ้นจากการแนะนำของผู้เขียน จึงปรากฏชื่อผู้เขียนในทั้งสองรายงาน การให้ข้อคิดว่าใยหินในบรรยากาศเป็นผลจากการหลุดลอกของใยหินจากผลิตผลอุตสาหกรรมที่นำไปใช้เป็นเวลานานนั้น ขอเรียนว่าหากการหลุดล่วงของใยหินดังกล่าวที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นวัฏจักรของสสารที่หวนกลับไปเป็นสินแร่ในดินตามเดิม

            ในบทความ “ใยหินไม่น่ากลัว” ของผู้เขียน ผู้เขียนอ้างเหตุผลจากข้อเท็จจริงว่า

  1. คนไทยเป็นโรคเหตุใยหินคนไทยน้อยมากๆ ทั้งที่การทำงานอาจสัมผัสใยหิน และพบว่าประชากรคนไทยทั่วไปสัมผัสฝุ่นใยหินในบรรยากาศแต่ไม่ปรากฏเป็นโรคเหตุใยหิน(๔,๕)
  2. อ้างข้อมูลในบทรายงานผลการศึกษาวิจัยอุบัติการโรคเหตุใยหินในคนงานที่มีโอกาสสัมผัสใยหินในสหรัฐฯของนายแพทย์ประธาน วาทีสาธกกิจ ขณะที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลในประเทศสหรัฐอเมริกา  ที่ลงพิมพ์รายงานในวารสารทรวงอกสหรัฐฯ(๖) ได้พบผู้ป่วยโรคเหตุใยหินจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีอุบัติการโรคในคนงานฝรั่งมากกว่าคนเอเซียและอัฟริกา ซึ่งเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ว่าคนไทยมีภูมิไวรับการเป็นโรคเหตุใยหินตฎ่มากหรือมีภูมิต้านทานการเป็นโรคเหตุใยหินสูงมาก
  3.  มีการศึกษาทางอณูเวชศาสตร์พบหน่วยพันธุกรรมไวรับ (susceptibility genes) ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อเลื่อม(๗) ซึ่งถ้านำรูปแบบการศึกษามาศึกษาคนไทย น่าจะพบข้อมูลว่าคนไทยไม่มีหน่วยพันธุกรรมนี้
  4.  ผู้เขียนอ้างสาเหตุสำคัญที่ไม่พบผู้ที่ทำงานในสถานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ใช้แร่ใยหินว่าเป็นเพราะโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้รับการควบคุมดูแลโดยฝ่านรัฐที่เกี่ยวข้อง อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอขอบคุณทั้งสองคุณหมอที่เป็นนักวิชาการที่นำข้อคิดเห็นไปลงพิมพ์ในวารสารวิชาการเพื่อรักการวิพากษ์เพื่อข้อเท็จจริง  ดีกว่าการเสนอเหตุผลฝ่ายเดียวในการประชุมลับที่ผู้รู้ไม่อาจเสนอข้อคิดเห็นที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ดี เมื่อมีข้อมูลเท็จจริงอย่างน้อย ๒ ข้อคือพบโรคเหตุใยหินน้อยมากๆในประเทศไทย ทั้งๆที่มีโอกาสสัมผัสใยหินจากการทำงาน   และจากฝุ่นใยหินในบรรยากาศทั่วไป ประกอบกับภูมิคุ้มกันทางเชื้อชาติและทางพันธุกรรม

Please follow and like us:

ใยหินกับศาลสหรัฐ

ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้อง

ของสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA)

ในการห้ามการใช้แร่ใยหิน

TSCA

นับเป็นความพยายามอย่างไร้เหตุผล

ในการผลักดันแร่ใยหินทุกชนิด ให้อยู่ในกฏหมายการควบคุมสารเคมี (TSCA)

สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) มีความพยายามที่จะกำหนด ให้แร่ใยหินทุกชนิดเป็นสารเคมีต้องห้ามมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว

“แร่ใยหิน” เคยเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวาง ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีคุณสมบัติทนความร้อนสูงและยังเป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญของวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ได้แก่ กระเบื้องหลังคา กำแพง ฉนวนความร้อน แผ่นกระเบื้อง รวมถึงเครื่องจักรต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงยานอวกาศ

อย่างไรก็ตาม แร่ใยหินกลุ่มแอมฟิโบลถูกนำมาใช้น้อยลง เนื่องจากมีความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิด ปัญหาทางสุขภาพ เมื่อสูดลมหายใจเอาแร่ใยหินเข้าไป อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ ใน 3 ลักษณะ ได้แก่ โรคมะเร็งปอด โรคปอดจากแร่ใยหิน และ มะเร็งเยื่อหุ้มปอด (ทั้งนี้ แร่ใยหินกลุ่มแอมฟิโบล มีลักษณะเป็นเส้นยาวและบาง สามารถฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้)

3518ในปี ค.ศ.1991 สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา(EPA) จึงเสนอให้มีการสั่งห้ามการใช้แร่ใยหินทั้งหมด ทั้งๆ ที่ในสหรัฐอเมริกา มีความนิยมในการใช้แร่ใยหินกลุ่มไครโซไทล์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นที่สั้นกว่าและหนากว่า มีความเสี่ยงต่ำที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเข้าไปฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้น้อยกว่า

โดยศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้พิเคราะห์ถึงคำร้องของ สำนักงานป้องกัน สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกาและได้ให้คำตอบไว้อย่างกว้าง ๆ ว่า “เราสามารถทำเช่นนั้นได้และเราก็ทำอยู่” ในการใช้แร่ใยหินอย่างปลอดภัยจึง ปฏิเสธคำร้องที่ให้มีการสั่งห้ามการใช้แร่ใยหินของ EPA

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมผ้าเบรกในรถยนต์ โดยศาลได้ชี้แจงว่าข้อเสนอของสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ที่ห้ามไม่ให้ใช้แร่ใยหินในการผลิตผ้าเบรกรถยนต์ นั้นอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้อัตราการเบรกล้มเหลวเพิ่มสูงขึ้นและทำให้มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจำนวนมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น แร่ใยหินในกลุ่มไครโซไทล์ที่สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ต้องการจะให้เป็นสารเคมีต้องห้ามนั้น เป็นส่วนผสมสำคัญที่อยู่ในผ้าเบรกฃซึ่งผู้ใช้ไม่ได้ รับการสัมผัสแต่อย่างใด

บทความของสภาวิทยาศาสตร์และสุขภาพสหรัฐอเมริกา (ACSH) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ความเสี่ยงของช่างยนต์และคนงานอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในโรงงานผลิตที่ใช้ใยหินเป็นส่วนประกอบได้มีการวางระบบการจัดการอย่างดี จึงมีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำมาก

 

ผ้าเบรกในรถยนต์มีส่วนผสมของแร่ไครโซไทล์เพื่อช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ศาลได้ระงับยับยั้งคำขอของสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ไว้เนื่องจากผู้แทนของสำนักงานฯ ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมสารเคมี (TSCA) ที่ระบุว่า ผู้แทนจะต้องเลือกกำหนดกฎเกณฑ์ที่สร้าง “ความยุ่งยากน้อยที่สุด” เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย โดยศาลอธิบายว่า กฎเกณฑ์เกี่ยวกับแร่ใยหินที่เสนอขึ้นมานั้นยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว

 

แหล่งอ้างอิง : http://nochrysotileban.com/archives/349#more-349

**********************************************

Please follow and like us:

กระเบื้องน้ำโขง

เรือขนส่งวัสดุก่อสร้างไปลาวล่มกลางลำน้ำโขง

บทพิสูจน์ความคงทนของกระเบื้องมุงหลังคาที่มีใยหินยังแข็งแกร่ง

คงทนใช้งานได้ดังเดิมแม้แช่อยู่ในน้ำกว่า 1 วัน

ในขณะที่กระเบื้องปลอดใยหิน ซึมน้ำ เปื่อยยุ่ย เสียหายหนัก

เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุเรือขนส่งสินค้าชนโขดหิน ทำให้เรือล่มกลางลำแม่น้ำโขง ขณะเดินทางไปยังหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ทั้งนี้เรือขนส่งสินค้าดังกล่าว บรรทุกวัสดุก่อสร้าง อาทิ ปูน กระเบื้องมุงหลังคาจากหลายยีห้อ ทั้งทีเป็นกระเบื้องผสมใยหินธรรมชาติ และที่ปลอดใยหิน     อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้สินค้าทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลากว่า 1 วัน จึงสามารถเก็บกู้ได้ ปูนซิเมนต์ เปียกน้ำเสียหายหมด   แต่ที่น่าทึ่งคือกระเบื้องมุงหลังคาชนิดที่มีส่วนผสมของใยหินธรรมชาติยังมีสภาพดังเดิม เพียงล้างทำความสะอาดเอาคราบโคลนออกก็สามารถนำไปใช้งานได้ ในขณะที่ กระเบื้องปลอดใยหินเมื่อนำขึ้นมา จากน้ำ พบว่ามีสภาพเปื่อยยุ่ย เนื่องจากถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานและโครงสร้างเป็นเยื่อกระดาษ ทำให้แตกหักได้ง่ายและเสียหายจำนวนมาก

 

1472438905157ภาพชาวบ้านช่วยกันขนสินค้าที่จมอยู่ในน้ำขึ้นมาจากอุบัติเหตุการขนส่งทางเรือ

1472438893048สภาพหลังจากเก็บกู้ พบว่ากระเบื้องปลอดใยหินเมื่อถูกน้ำหรือความชื้น จะแตกหักง่าย เปื่อย ยุ่ย อย่างเห็นได้ชัดเจน

Untitled-100ในขณะที่กระเบื้องที่มีใยหินธรรมชาติผสมอยู่ คนงานเพียงล้างทำความสะอาดคราบโคลนก็สามารถนำไปใช้งานได้

Please follow and like us:

ข้อบังคับของคณะกรรมการ (อียู) 2016/1005

 

 

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559 ทางคณะกรรมการยุโรป (อียู) ได้ประกาศให้ประเทศสมาชิกสามารถอนุญาติให้ใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ได้ในโรงงานผลิตสารเคมีที่ใช้วิธีการสกัดด้วยไฟฟ้า (electrolysis) ซึ่งมีการใช้ไดอาแฟรมที่มีส่วนประกอบของไครโซไทล์อยู่ สามารถอ้างอิงได้จากเอกสารแปลด้านล่าง และเอกสารฉบับภาษาอังกฤษตามรูป

 

ข้อบังคับของคณะกรรมการ (อียู) 2016/1005

ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2559
แก้ไขภาคผนวกที่ 17 ของข้อบังคับ (อีซี) เลขที่ 1907/2006 ของรัฐสภายุโรป
และคณะกรรมาธิการยุโรป เรื่องการจดทะเบียน การประเมิน การอนุญาต และการจำกัดสารเคมี (รีช) เกี่ยวกับเส้นใยแอสเบสตอส (ไครโซไทล์)
(เนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเทศในกลุ่มเขตเศรษฐกิจยุโรป (อีอีเอ))

 

เรียน คณะกรรมการแห่งสหภาพยุโรป

เรื่อง การพิจารณาสนธิสัญญาการปฏิบัติงานของสหภาพยุโรป

จากการพิจารณาข้อบังคับ (อีซี) เลขที่ 1907/2006 ของรัฐสภายุโรปและคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ว่าด้วยเรื่องการจดทะเบียน การประเมิน การอนุญาต และการจำกัดสารเคมี (รีช) การจัดตั้งหน่วยงานจัดการเคมีภัณฑ์ของสหภาพยุโรป การแก้ไขคำสั่งเลขที่ 1999/45/อีซี และการยกเลิกข้อบังคับของคณะกรรมาธิการ (อีอีซี) เลขที่ 793/93 และข้อบังคับของคณะกรรมการ (อีซี) เลขที่ 1488/94 คำสั่งของคณะกรรมาธิการเลขที่ 76/769/อีอีซี คำสั่งของคณะกรรมการเลขที่ 91/155/อีอีซี, 93/67/อีซี, 93/105/อีอีซี 2000/21/อีซี ([1]) และเฉพาะมาตรา 68(1) นั้น Read More

Please follow and like us:

กฎหมายและข้อบังคับของสหภาพยุโรปยืนยันว่าสามารถใช้ไครโซไทล์อย่างปลอดภัยได้

กฎหมายและข้อบังคับของสหภาพยุโรปยืนยันว่าสามารถใช้ไครโซไทล์อย่างปลอดภัยได้

 

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559 สหภาพยุโรปยึนยันว่าจะมีการใช้เส้นใยไครโซไทล์ในอุตสาหกรรมคลอรีนต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2568 เป็นอย่างน้อย

 

นับเป็นชัยชนะเหนือข้อมูลชวนเชื่อที่เผยแพร่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเชิญชวนให้ต่อต้านแอสเบส-ตอสและการสร้างเรื่องของธุรกิจด้านการดำเนินคดีความที่ตั้งใจจะบิดเบือนข้อมูลว่าเส้นใยเพียงเส้นเดียวก็สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เมื่อยุโรปได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่าสามารถใช้ไครโซไทล์ได้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบภายใต้สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ได้รับการควบคุมดูแล การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าสถานะของสมาคมไครโซไทล์นานาชาติ (ไอซีเอ) ได้รับการปกป้องมาเป็นระยะเวลานานหลายปี Read More

Please follow and like us:

ปิดคดีการ์ล็อก แต่ทนายแร่ใยหินยังไม่พ้นข้อหาฉ้อโกง

บริษัทที่ตกเป็นเป้าของทนายความคดีแร่ใยหินอยู่บ่อยครั้งกำลังกุมบังเหียนในการยื่นฟ้องทนายความหลายคน โดยกล่าวอ้างว่าทนายความเหล่านี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังระบบที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการตกลงและการพิจารณาคำวินัจฉัยในศาลสูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท จอห์น เครน จำกัด ยื่นฟ้องบริษัทแร่ใยหินอย่างน้อย 2 แห่ง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีทุจริต (Racketeer Influenced and Corrupt Organizations Act) โดยมีมูลเหตุในการฟ้องจากหลักฐานที่บริษัท การ์ล็อก ซีลลิง เทคโนโลยี พบเมื่อ 3 ปีก่อน ระหว่างการพิจารณาคดีล้มละลายของบริษัท Read More

Please follow and like us:
ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ แนะองค์กรระดับชาติ ออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินอย่างปลอดภัย

ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ แนะองค์กรระดับชาติ ออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินอย่างปลอดภัย

ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ แนะองค์กรระดับชาติ

ออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินอย่างปลอดภัย

 

ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ (ซีไอซี) เผยสารก่อมะเร็งที่ระบุโดยองค์กรวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ หรือ IARC สามารถพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันของคนเรา ล่าสุดองค์การอนามัยโลก ยืนยันเตรียมขึ้นทะเบียนอาหารแปรรูปให้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งประเภทที่ 1 เทียบเท่า บุหรี่ แอลกอฮอล์ และ แร่ใยหิน ขณะที่การวิจารณ์ผลกระทบสารแต่ละชนิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งที่ระบุความเป็นอันตรายเท่ากัน ทั้งนี้วอนหน่วยงานระดับชาติแสดงความเป็นกลาง หยุดให้ร้ายใยหิน พร้อมแนะทางออกการใช้หรือการบริโภคควรต้องทำอย่างถูกวิธี เหมาะสม และนำมาใช้อย่างปลอดภัย จึงจะไม่ก่อให้เกิดโทษ Read More

Please follow and like us:
ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ ยังได้เข้าพบกรมควบคุมมลพิษ

ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ ยังได้เข้าพบกรมควบคุมมลพิษ

ศูนย์ข้อมูลฯ ยังได้เข้าพบ นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะทำงาน เพื่อนำเสนอข้อมูลและหารือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ ในขณะที่สถานการณ์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ ยังได้เข้าพบกับหน่วยงานที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงานด้วยกัน อาทิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ

 

สำหรับการเดินสายเข้าพบองค์กรและหน่วยงานสำคัญ ศูนย์ข้อมูลฯ มีเป้าประสงค์ชัดเจน คือ ต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อให้บุคคลที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหินไครโซไทล์ได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้าน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างโปร่งใสและเป็นกลางอย่างที่สุด โดยศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์จะยังคงทำหน้าที่เฝ้าระวังและนำเสนอข้อมูลให้ทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องต่อไป

Please follow and like us: