กฎหมายและข้อบังคับของสหภาพยุโรปยืนยันว่าสามารถใช้ไครโซไทล์อย่างปลอดภัยได้

กฎหมายและข้อบังคับของสหภาพยุโรปยืนยันว่าสามารถใช้ไครโซไทล์อย่างปลอดภัยได้

 

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559 สหภาพยุโรปยึนยันว่าจะมีการใช้เส้นใยไครโซไทล์ในอุตสาหกรรมคลอรีนต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2568 เป็นอย่างน้อย

 

นับเป็นชัยชนะเหนือข้อมูลชวนเชื่อที่เผยแพร่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเชิญชวนให้ต่อต้านแอสเบส-ตอสและการสร้างเรื่องของธุรกิจด้านการดำเนินคดีความที่ตั้งใจจะบิดเบือนข้อมูลว่าเส้นใยเพียงเส้นเดียวก็สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เมื่อยุโรปได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่าสามารถใช้ไครโซไทล์ได้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบภายใต้สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ได้รับการควบคุมดูแล การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าสถานะของสมาคมไครโซไทล์นานาชาติ (ไอซีเอ) ได้รับการปกป้องมาเป็นระยะเวลานานหลายปี

ข้อบังคับของคณะกรรมการแห่งสหภาพยุโรป (อียู) 2016/1005 ได้กล่าวถึงการอ้างอิงการตัดสินใจเกี่ยวกับความคิดเห็นเมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งลงมติโดยคณะกรรมการด้านการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงว่า (…) มีการจำกัดการสัมผัสโดยมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงซึ่งมีประสิทธิภาพในการควบคุมความเสี่ยงที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจากการใช้ไครโซไทล์ให้อยู่ในระดับต่ำได้ ความเห็นนี้ยังกล่าวสรุปเช่นกันว่าไม่มีการปล่อยไครโซไทล์สู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้นประโยชน์ด้านสภาพแวดล้อมและสุขภาพของการปิดโรงงานทั้งสองแห่งในทันทีจึงไม่มีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ ข้อบังคับของคณะกรรมการยังเน้นย้ำถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการบัญญัติกฎหมายของสหภาพยุโรปเรื่องการป้องกันความปลอดภัยและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานได้กำหนดไว้แล้วว่าผู้จ้างงานจะต้องลดการสัมผัสเส้นใยไครโซไทล์ของผู้ปฏิบัติงานให้เหลือน้อยที่สุดและมีการกำหนดค่าจำกัดสูงสุดในบางกรณีไว้แล้วอีกด้วย

 

เป็นที่ชัดเจนว่าสหภาพยุโรปได้ยืนยันอีกครั้งแล้วว่าการใช้ไครโซไทล์ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้สหภาพยุโรปไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป แต่เป็นความจริงที่ผ่านการศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดี ไอซีเอและผู้มีส่วนร่วมในการแสวงหาผลประโยชน์ภายใต้การควบคุมและการใช้ไครโซไทล์ทั้งหมดหวังว่าผู้ที่ออกมาทำสงครามต่อต้านไครโซไทล์อย่างแข็งกร้าวจะได้รับสารนี้

 

ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าการใช้ไครโซไทล์อย่างมีความรับผิดชอบและอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลได้พิสูจน์คุณค่าของตนเองมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว

 

EU news1

 

Source: http://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/?uri=uriserv:OJ.L_.2016.165.01.0004.01.ENG&toc=OJ:L:2016:165:FULL

Please follow and like us: